Thursday, 23 March 2023

การระบาดโควิดระลอกใหม่น่ากังวลแค่ไหน

โควิด 19 หากว่าโควิด-19 จะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 เดือนตุลาคม และก็ปรับให้เป็นโรคติดต่อที่จำเป็นต้องเฝ้าระวัง แต่ว่าดูเหมือนกับว่าสถานการณ์การระบาดกลับน่าวิตกขึ้นมาอีกรอบนับตั้งแต่สิ้นเดือน เดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้ ผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวัน เพิ่มเป็น 15 คนแล้ว

ข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ประเทศไทยยังมีทิศทางเพิ่มขึ้น และมีคนตายเฉลี่ยยังเพิ่มสูง โดยผู้ตายทุกรายยังอยู่ในกลุ่ม 608 และก็เกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

แม้กระนั้น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวมาว่า เหตุการณ์ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง และก็ระบบสาธารณสุขยังรองรับได้

ฐานข้อมูลย้อนหลังของกระทรวงสาธารณสุขนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 (13-19 พ.ย.) ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยทยอยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า จาก 452 คน เป็น 565 คน ช่วงเวลาที่ยอดผู้เสียชีวิตเฉลี่ยก็เพิ่มจาก 6 คน เป็น 9 คน

ในสัปดาห์ที่ 47 (20-26 พ.ย.) ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 702 คน และสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) ปรับลดลงเป็น 612 คน และสัปดาห์ล่าสุด (4-10 ธ.ค.) ลดลงมาเป็น 566 คน

แต่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 จาก 9 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน และ 15 คน ตามลำดับ จนตัวเลขชะลอตัวในสัปดาห์ล่าสุดยังคงอยู่ที่ตัวเลขเฉลี่ย 15 คน

โควิด 19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

โควิด 19 สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร

หมอชื่อดังหลายคนได้มีความคิดเห็นต่อสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันว่า ยังคงน่าจับตาเหตุเพราะยังมีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันยังใกล้กับช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางและจัดงานครึกครื้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นอีก

รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยประเมินว่า ในเวลานี้ สถานการณ์นับว่า “พีคสูงยิ่งกว่าระลอกสามในปีที่แล้วของอัลฟารวมทั้งเดลตา รวมทั้ง… พีคใกล้เคียงกับระลอกช่วงครึ่งปีแรก ด้วยเหตุนั้น จึงย้ำเสมอว่าไม่ใช่เวฟเล็ก รอบข้างมีการติดกันรัว”

นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ ยังให้ความเห็นว่า ยังนับว่าตอบได้ยาก ว่าความผันผวนจะทวีความร้ายแรงมากกว่าปัจจุบันหรือเปล่า แล้วก็จะลงช้าเร็วเพียงใด จากการใช้ชีวิตเสรีในหน้าเทศกาล ถ้าเกิดไม่ป้องกันภัย

สถานการณ์โควิด “ศึก” นี้ จะกินเวลาไปกว่าค่าถัวเฉลี่ยทั่วทั้งโลก และก็มีโอกาสยืดไปจนเกิดปะทุตอกย้ำจากสายพันธุ์ย่อยอื่นๆได้แก่ BQ.1.1, XBB, CH.1.1 ได้ ก็จะทำให้คล้ายกับระลอกสามที่อัลฟาเอามาก่อน รวมทั้งยังไม่ทันลงก็มีเดลตาเข้ามาซ้ำ

การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และช่วยกันป้องกันตัวจึงสำคัญมาก

จับตาสายพันธุ์ใหม่จากอินเดีย

ท่ามกลางความรู้สึกวิตกกังวลของการระบาดในระลอกตอนนี้ มีการเตือนจากแพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธถึงความเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากอินเดียจะเข้ามาระบาดในไทย เช่นเดียวกันกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2563 ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบทีแรกในประเทศประเทศอินเดีย และแพร่กระจายอย่างเร็วทันใจและก็เกิดการระบาดใหญ่ทั้งโลก รวมถึงในไทยเมื่อกลางปี พุทธศักราช2564

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องห้องดูแลผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้เจ็บป่วยหนัก และก็โรคคนชรา ประจำโรงหมอวิชัยยุทธ โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ประเทศไทยต้องจับตาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศประเทศอินเดีย ด้วยเหตุว่าหลายทีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในประเทศประเทศอินเดีย หลังแล้วอีกไม่นานก็พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายประเภทนั้นในประเทศไทย

โควิด 19 วัคซีนตัวใหม่

สำหรับเชื้อไวรัสตัวปัจจุบันที่ต้องจับตา คือ เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB

ซึ่งเป็นลูกผสมของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยมั่นใจว่าอีกไม่นาน ก็จะแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ในประเทศประเทศอินเดีย

“ประเทศไทยเตรียมตัวได้เลยว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 อีกไม่นานก็จะมีสายพันธุ์ XBB แพร่ระบาดเหมือนประเทศอินเดีย” เพราะสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อกันง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อธรรมชาติได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม

นพ. มนูญ ยังระบุอีกว่า ปัจจุบันเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลาสั้นกว่าเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม และทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ไวรัส โควิด สายพันธุ์ ใหม่ ๆ ไม่ ได้ ทำให้ ผู้เจ็บป่วยหนักแล้วก็เสียชีวิตเหมือนสายพันธุ์เดลตา โดยเฉพาะในคนที่ได้รับวัคซีน 4 เข็ม คือได้วัคซีนครบ 2 โดสและก็ตามด้วยเข็มกระตุ้นอีก 2 เข็ม

ต้องฉีดยาอย่างไร วัคซีนรุ่นใหม่จำต้องรอนานเพียงใด

แม้ว่าสัญญาณการระบาดในขณะนี้จะเริ่มชะลอตัว แม้กระนั้นการฉีดวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันยังมีความสำคัญ เหตุเพราะจะสามารถช่วยป้องกันลักษณะการป่วยหนักและก็ลดโอกาสการสูญเสีย

จาก ข้อมูล ของ กรม ควบคุม โรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประชาชน ควร ได้ รับ วัคซีน อย่าง น้อย 4 เข็ม ส่วน เข็ม ต่อไปควร ฉีด ห่าง กัน ราว 4 เดือน รวมทั้งส่วนวัคซีนแบบใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ด้าน ศ. นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กช่วงวันที่ 9 ธันวาคม เกี่ยวกับ คุณภาพของวัคซีนรุ่นใหม่โดยอ้างประกาศของศูนย์ป้องกันแล้วก็ควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เกี่ยวกับคุณภาพสำหรับเพื่อการใช้จริงทีแรก (real world effectiveness data) ของวัคซีนแบบใหม่ bivalent mRNA (14 เดือนกันยายน- 11 เดือนพฤศจิกายน) รวมทั้งรายงานจากนิตยสาร Nature Medicine เมื่อ 6 เดือนธันวาคม รวมทั้งวารสาร Lancet Infectious Disease รวมทั้ง Lancet Microbe ประจำเดือน ธ.ค. ว่า ภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดีในเลือดไม่เป็นผลต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75.2., BQ.1., XBB.1 และสายย่อยอื่นๆซึ่งหมายความว่าป้องกันการได้รับเชื้อไม่ได้

ก่อนหน้านี้ CDC รวมทั้ง ที่ทำการคณะกรรมการอาหารและก็ยา (FDA) ได้ประกาศแล้วว่าแอนติบอดีที่ใช้ในการรักษารวมทั้งป้องกัน รวมถึง evusheld (แอนติบอดีสำเร็จรูปหรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19) ใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ย่อยใหม่กลุ่มนี้ ที่เข้ามาแทนที่ตัวเก่า

อย่างไรก็ตาม นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยเมื่อต้นเดือนก่อนหน้านี้ว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการหารือกับคณะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญถึงเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนรุ่นใหม่ หรือวัคซีน 2 สายพันธุ์ ซึ่งหากพบว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 อย่างชัดเจน ก็จะรีบดำเนินงานจัดหามาให้บริการประชาชนในปีหน้า